“ประยุทธ์” เดินหน้าเศรษฐกิจดิจิตอล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน เปิดสัมมนาโพสต์ทูเดย์ ฟอรั่ม “เศรษฐกิจดิจิตอล พลิกโฉมประเทศไทย” จัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ.
“สิ่งที่รัฐบาลมองในวันนี้คือ ความเป็นไปได้ ความรวดเร็วที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็ต้องมาดูเรื่องดิจิตอล ประเทศเราใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 60-70 ล้านคน น่าจะมากที่สุดในอาเซียน ชาวนายังใช้โทรศัพท์มือถือ ฉะนั้นจึงเป็นทั้งวิกฤติและโอกาสที่จะเดินหน้าประเทศไทย เพราะมูลค่าด้านเศรษฐกิจดิจิตอลมีมหาศาล ถ้าช้าก็ไม่ทันประเทศอื่น”
ไทยเป็นเสือหมอบพร้อมทะยาน
อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศจะก้าวสู่ความสำเร็จจากเศรษฐกิจดิจิตอลนั้น ประเทศจะต้องมีโครงข่ายไฟเบอร์ออปติก เพื่อให้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทั่วถึง ซึ่งต้องนำสิ่งที่มีอยู่มารวมกันให้ได้ เพื่อทำให้โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ เพื่อให้สามารถสื่อสารข้อมูลขนาดใหญ่ไปได้ทุกจุด เชื่อมโยงกับต่างประเทศได้ นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องสนับสนุนให้มีศูนย์กลางบริหารข้อ มูลขนาดใหญ่หรือดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อเก็บข้อมูลทุกประเภท ยกตัวอย่าง ขณะนี้ 19 กระทรวง เก็บ ข้อมูลคนละด้าน ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้ข้อมูลตรงกัน มิเช่นนั้นจะบริหารจัดการไม่ได้ จะนำมาบูรณาการกันก็ไม่ได้ สุดท้ายสรุปแล้วต้องสำรวจใหม่ ทำให้เสียเวลามากขึ้น
“ถ้ามีศูนย์กลางการบริหารข้อมูล ที่ใช้สืบค้นข้อมูลในการอ้างอิง ใช้จัดเก็บข้อมูลทางธุรกิจ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งไม่ใช่แค่การนำโทรทัศน์ไปสอนเด็ก ต่อไปจะต้องมีข้อมูลประเทศไทยให้สืบค้นทุกเรื่อง ทุกภาษาในดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้คน ไทยและชาวต่างชาติสามารถใช้ประโยชน์ได้”
ขณะเดียวกันรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อย มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ โดยมีความปลอดภัยในระบบการซื้อขาย ไม่โดนหลอกลวงมีกฎหมายดูแลให้ปลอดภัย ส่วนใหญ่เกษตรกรจะรู้แต่เรื่องการผลิตแต่ไม่รู้เรื่องการตลาด ค้าขาย ทำให้เกิดช่องว่าง ทำให้ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ต้องสอนให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิตอล รวมทั้งผู้สูงอายุ ผู้พิการจะต้องได้ใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิตอลให้มากที่สุด
ทั้งนี้ การเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ มักจะถูกถามว่าจะทำอย่างไรกับเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งต่างประเทศพร้อมจะลงทุนในประเทศไทย จึงได้แจ้งไปว่าถ้ามาลงทุนต้องมาทั้งระบบและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้คนไทยด้วย ซึ่งต่างประเทศก็ยินดี อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอลต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยรัฐบาลจะช่วยสร้างอำนาจซื้อให้กับประชาชน ช่วยให้มีกำลังซื้อในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับล่างให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการใช้จ่าย ขณะที่ปัญหาอุปสรรคต่างๆด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ปลดล็อกไปหลายด้านแล้ว
เร่งโครงข่ายเน็ตถึงทุกหมู่บ้านใน 3 ปี
นายสิทธิชัย โภไคยอุดม อดีต รมว.ไอซีที กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีดิจิตอลขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมจะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยได้ แต่สิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำคือการวางโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง เพื่อให้บริการอินเตอร์เน็ตในทุกหมู่บ้านภายใน 1 ปี และถึงทุกบ้านที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ตใน 3 ปี อีกทั้งก็ต้องเร่งการเปิดประมูล 4 จี เพราะจะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
นายชิต เหล่าวัฒนา กรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดทำศูนย์ข้อมูลภาครัฐ เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการภายใน 3-6 เดือนข้าง หน้า ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี
นายโกศล เพ็ชรสุวรรณ์ ประธานคณะกรรมการธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้าง พื้นฐาน โครงข่ายใยแก้วนำแสง เพื่อให้เข้าถึงทุกครัวเรือนนั้น เพื่อความคล่องตัวภาครัฐไม่ควรเข้ามาดำเนินการ ซึ่งหากจะทำได้ดีควรให้นำโครงข่ายฯเดิมที่มีอยู่นำมาเข้าเป็นกองทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ในปี 56 ที่ผ่านมา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิตอล มีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หรือ 11 ล้านล้านบาทของจีดีพี แบ่งเป็น 1. ธุรกิจโทรคมนาคม 500,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจการแพร่ภาพ กระจายเสียง 100,000 ล้านบาท 3.ธุรกิจดิจิตอล คอนเทนต์ 50,000 ล้านบาท 4.ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 400,000 ล้านบาท 5.ธุรกิจการตลาดดิจิตอล 400,000 ล้านบาท และ 6.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่อยู่ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม มูลค่า 150,000 ล้านบาท.
ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/467356)