กำหนดเปิดบริษัท iPOINT ปี 2558
 รายละเอียด การเปิดตัวอย่างเป็นการทาง |  Business Center ของ iPOINT Thailand
     iPOINT Thailand มีกำหนดเปิดรับสมัครสมาชิกอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 มกราคม 2558 และจะเปิดให้ดาวน์โหลด iPOINT App ได้ฟรี สำหรับบุคคลทั่วไปในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2558 สำหรับอาเซียน มีกำหนดจะเปิดสำนักงานที่ประเทศลาว และพม่าในปีเดียวกัน หลังจากนั้นจะทยอยเปิดให้ทั่ว AEC เพื่อรองรับการค้าเสรี ที่จะมีขึ้นในอนาคต




“ประยุทธ์” เดินหน้าเศรษฐกิจดิจิตอล

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน เปิดสัมมนาโพสต์ทูเดย์ ฟอรั่ม “เศรษฐกิจดิจิตอล พลิกโฉมประเทศไทย” จัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ.

 “ประยุทธ์” ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิตอลอย่างจริงจัง เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ พร้อมปรับกระทรวงไอซีที เป็นกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ย้ำเศรษฐกิจดิจิตอลจะสำเร็จได้โครงข่ายเน็ตต้องทั่วถึง ศูนย์ข้อมูลต้องแม่นยำ



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในงานสัมมนาโพสต์ทูเดย์ ฟอรั่ม “เศรษฐกิจดิจิตอล พลิกโฉมประเทศไทย” ว่า รัฐบาลจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอลให้เป็นรูปธรรม โดยต้องแก้กฎหมายหลายฉบับ ซึ่งในช่วงปลายเดือน ธ.ค.57-ต้น ม.ค.58 จะส่งกฎหมายประมาณ 5-6 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ก็จะเร่งจัดตั้งคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมดิจิตอลแห่งชาติ พร้อมปรับบทบาทและเปลี่ยนชื่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งกระทรวงนี้อาจจะปรับเปลี่ยนชื่อของตัวเองบ่อยหากทำแล้วไม่ได้ผล โดยเฉพาะปลัดกระทรวงก็ต้องถูกพิจารณาก่อน

“สิ่งที่รัฐบาลมองในวันนี้คือ ความเป็นไปได้ ความรวดเร็วที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็ต้องมาดูเรื่องดิจิตอล ประเทศเราใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 60-70 ล้านคน น่าจะมากที่สุดในอาเซียน ชาวนายังใช้โทรศัพท์มือถือ ฉะนั้นจึงเป็นทั้งวิกฤติและโอกาสที่จะเดินหน้าประเทศไทย เพราะมูลค่าด้านเศรษฐกิจดิจิตอลมีมหาศาล ถ้าช้าก็ไม่ทันประเทศอื่น”


ไทยเป็นเสือหมอบพร้อมทะยาน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเป็นเสือที่กำลังหมอบอยู่ด้วยขาที่แข็งแรง แต่พร้อมทะยานออกไปข้างหน้าในปีหน้าหรือปีต่อไป วันนี้จะเสียเวลาไม่ได้อีกแล้วต้องเร่งดำเนินการเรื่องเศรษฐกิจดิจิตอล ขอยืนยันว่าจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอลให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปสู่ความทันสมัยให้ได้ จะทำให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจไทยในทุกรูปแบบ ถ้าการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลเป็นไปอย่างรวดเร็วก็จะเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติด้วย รวมทั้งด้านสังคมและความมั่นคง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจดิจิตอลจะเป็นหัวใจสำคัญ เช่น การเงินการธนาคาร การค้าปลีก ค้าส่ง อุตสาหกรรมการผลิตขนาดใหญ่ การท่องเที่ยว ระบบขนส่ง โลจิสติกส์ ถ้านำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้าไปช่วยก็จะเกิดความรวดเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ การลงทุนต่างๆก็ง่ายขึ้น และสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ด้วย


อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศจะก้าวสู่ความสำเร็จจากเศรษฐกิจดิจิตอลนั้น ประเทศจะต้องมีโครงข่ายไฟเบอร์ออปติก เพื่อให้บริการอินเตอร์เน็ตต้องทั่วถึง ซึ่งต้องนำสิ่งที่มีอยู่มารวมกันให้ได้ เพื่อทำให้โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ เพื่อให้สามารถสื่อสารข้อมูลขนาดใหญ่ไปได้ทุกจุด เชื่อมโยงกับต่างประเทศได้ นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องสนับสนุนให้มีศูนย์กลางบริหารข้อ มูลขนาดใหญ่หรือดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อเก็บข้อมูลทุกประเภท ยกตัวอย่าง ขณะนี้ 19 กระทรวง เก็บ ข้อมูลคนละด้าน ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้ข้อมูลตรงกัน มิเช่นนั้นจะบริหารจัดการไม่ได้ จะนำมาบูรณาการกันก็ไม่ได้ สุดท้ายสรุปแล้วต้องสำรวจใหม่ ทำให้เสียเวลามากขึ้น


“ถ้ามีศูนย์กลางการบริหารข้อมูล ที่ใช้สืบค้นข้อมูลในการอ้างอิง ใช้จัดเก็บข้อมูลทางธุรกิจ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งไม่ใช่แค่การนำโทรทัศน์ไปสอนเด็ก ต่อไปจะต้องมีข้อมูลประเทศไทยให้สืบค้นทุกเรื่อง ทุกภาษาในดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้คน ไทยและชาวต่างชาติสามารถใช้ประโยชน์ได้”


ขณะเดียวกันรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อย มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ โดยมีความปลอดภัยในระบบการซื้อขาย ไม่โดนหลอกลวงมีกฎหมายดูแลให้ปลอดภัย ส่วนใหญ่เกษตรกรจะรู้แต่เรื่องการผลิตแต่ไม่รู้เรื่องการตลาด ค้าขาย ทำให้เกิดช่องว่าง ทำให้ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ต้องสอนให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิตอล รวมทั้งผู้สูงอายุ ผู้พิการจะต้องได้ใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิตอลให้มากที่สุด


ทั้งนี้ การเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ มักจะถูกถามว่าจะทำอย่างไรกับเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งต่างประเทศพร้อมจะลงทุนในประเทศไทย จึงได้แจ้งไปว่าถ้ามาลงทุนต้องมาทั้งระบบและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้คนไทยด้วย ซึ่งต่างประเทศก็ยินดี อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอลต้องอาศัยความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยรัฐบาลจะช่วยสร้างอำนาจซื้อให้กับประชาชน ช่วยให้มีกำลังซื้อในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับล่างให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการใช้จ่าย ขณะที่ปัญหาอุปสรรคต่างๆด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ปลดล็อกไปหลายด้านแล้ว


เร่งโครงข่ายเน็ตถึงทุกหมู่บ้านใน 3 ปี
นายสิทธิชัย โภไคยอุดม อดีต รมว.ไอซีที กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีดิจิตอลขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมจะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยได้ แต่สิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำคือการวางโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง เพื่อให้บริการอินเตอร์เน็ตในทุกหมู่บ้านภายใน 1 ปี และถึงทุกบ้านที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ตใน 3 ปี อีกทั้งก็ต้องเร่งการเปิดประมูล 4 จี เพราะจะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว


นายชิต เหล่าวัฒนา กรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดทำศูนย์ข้อมูลภาครัฐ เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการภายใน 3-6 เดือนข้าง หน้า ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี


นายโกศล เพ็ชรสุวรรณ์ ประธานคณะกรรมการธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สภาหอ การค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การลงทุนโครงสร้าง พื้นฐาน โครงข่ายใยแก้วนำแสง เพื่อให้เข้าถึงทุกครัวเรือนนั้น เพื่อความคล่องตัวภาครัฐไม่ควรเข้ามาดำเนินการ ซึ่งหากจะทำได้ดีควรให้นำโครงข่ายฯเดิมที่มีอยู่นำมาเข้าเป็นกองทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ในปี 56 ที่ผ่านมา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิตอล มีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หรือ 11 ล้านล้านบาทของจีดีพี แบ่งเป็น 1. ธุรกิจโทรคมนาคม 500,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจการแพร่ภาพ กระจายเสียง 100,000 ล้านบาท 3.ธุรกิจดิจิตอล คอนเทนต์ 50,000 ล้านบาท 4.ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 400,000 ล้านบาท 5.ธุรกิจการตลาดดิจิตอล 400,000 ล้านบาท และ 6.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่อยู่ในส่วนของภาคอุตสาหกรรม มูลค่า 150,000 ล้านบาท.

ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/467356)